คณะทำงาน D3 เปิดแผน Digital Tourism Platform

คณะทำงาน D3 เปิดแผน Digital Tourism Platformร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน เน้นการสร้าง Platform การท่องเที่ยวแห่งชาติ

     นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะ หัวหน้าทีมภาครัฐ : คณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE (D3) เปิดเผยถึง แนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสนับสนุนการปฏิรูปและการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน หากมีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งเน้นให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของการท่องเที่ยว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

         สำหรับแนวทางการดำเนินงานของคณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE (D3) มีบทบาทในการสนับสนุนการปฏิรูปการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่  โดยให้ความสำคัญในเรื่องการซ่อมแซม บำรุงรักษา ฟื้นฟู วางระบบต่าง ๆ  และเน้นในเรื่องความสะดวก ความสะอาด ความปลอดภัย และมีเอกลักษณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แหล่งท่องเที่ยวของไทยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน รวมถึงผนึกกำลังเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง เพื่อช่วยกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำอย่างทั่วถึง โครงการที่ได้ดำเนินการภายใต้คณะทำงาน อาทิ โครงการ Amazing Thai Taste โครงการทัวร์ริมโขง และโครงการเนรมิตอยุธยา

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะ ประธานคณะทำงานโครงการ “Digital Tourism Platform” กล่าวว่า คณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE (D3)ได้กำหนดแผนงานด้านเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยหนึ่งในกิจกรรมได้แก่การสร้าง Platform การท่องเที่ยวแห่งชาติ ซึ่งเป็น Platform กลาง ที่เชื่อมโยงข้อมูลการท่องเที่ยว และสินค้าบริการของผู้ประกอบการในตลอดทั้ง Value Chain การท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการท่องเที่ยวสำหรับทุกคน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจของประเทศไทยให้มีช่องทางดิจิทัลในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลายขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้ว จะเกิดประโยชน์ในด้านการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งตอบรับกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์1.เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลการเดินทางที่จำเป็นและน่าเชื่อถือภายใน Platform เดียว ได้รับความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยและเข้าถึงสินค้าและบริการ ตลอดการเดินทาง2.เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดทำฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ภาครัฐสามารถนำฐานข้อมูลนักท่องเที่ยว  (BIG DATA) ไปวิเคราะห์เพื่อใช้จัดทำนโยบาย และแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและ3.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เติบโตในโลกยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการรายย่อยมีทางเลือกในการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่ไม่เน้นแสวงหากำไร

โดยในวันที่ 10 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. พันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งหมด 49 องค์กร/หน่วยงานได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือในโครงการ Digital Tourism Platform  ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต คณะทำงานภาคเอกชน 30 องค์กร จะจัดตั้งเป็นบริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เพื่อจัดทำ Application ชื่อ ทักทาย หรือ TAGTHAI และประสานความร่วมมือกับภาครัฐ 19 หน่วยงาน มุ่งให้เกิดความร่วมมือ สนับสนุนข้อมูลที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว และร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ โดยจะมีการออก Application เวอร์ชั่นแรกในเดือนเมษายน 2562 นี้

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจการท่องเที่ยวนับเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญของประเทศที่ธนาคารพาณิชย์ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการมาตลอด ทั้งด้านเงินทุน และบริการชำระเงิน รวมทั้งให้บริการทางการเงินสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น ภายใต้โครงการ Digital Tourism Platform นี้ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ พร้อมที่จะให้บริการทางการเงินในรูปแบบ Digital เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และผู้ใช้ Platform ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เช่น การรับชำระเงินบน Digital Platform เพื่อการจอง หรือซื้อสินค้าบริการต่างๆ เป็นต้น

สมาคมธนาคารไทย ในฐานะตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ไทย พร้อมให้ความสนับสนุนการดำเนินการของ Digital Tourism Platform สมาคมธนาคารไทยเชื่อว่า การร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ผ่าน Digital Tourism Platform นี้จะสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จากการได้รับข้อมูลข่าวสาร และบริการด้านการท่องเที่ยวที่ครบวงจรบน Platform และ จากการเชื่อมโยงของข้อมูลและการทำธุรกรรมบน Platform นี้จะเป็นการสร้าง Big Data ที่นำไปสู่การสร้างประสิทธิภาพในการให้บริการของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ร่วมใน Platform และ จะต่อยอดเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆในอนาคต ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทศเติบโตอย่างมั่นคง

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนสมาชิกโรงแรมทั่วประเทศที่มีกว่า 140,000 ห้อง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Digital Tourism Platform ภายใต้คณะทำงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE  ในการเพิ่มขีดความสามารถ สู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  โดยทางสมาคมจะมีหน้าที่ดูแลในเรื่อง Online Hotel Booking เพื่อขานรับเทรนด์ของโลกยุค Digital ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับOnline Hotel Booking นี้ นอกจากจะเป็นการจองห้องพักที่สะดวกรวดเร็วแล้ว ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ในการเข้าพักกับโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐาน ทั้งที่เป็นสมาชิกกับทางสมาคม รวมถึงโรงแรมที่ไม่ได้เป็นสมาชิก จึงขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญทุกโรงแรมเข้าร่วมโครงการที่จะนำประโยชน์มาสู่ประเทศชาติ ที่เห็นเด่นชัดคือเม็ดเงินจะหมุนเวียนภายในประเทศ รัฐบาลจะได้รับภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อนำมาพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศต่อไป

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในการทำการตลาดและการให้บริการข้อมูลข่าวสารทางการท่องเที่ยว ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการให้ข้อมูลข่าวสารให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี โดยปัจจุบันมีการให้ข้อมูลทางการท่องเที่ยวผ่านระบบดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น สื่อสังคมออนไลน์ หรือทาง Call Center โดยททท. มุ่งเน้นให้ข้อมูลมีความครบถ้วน พร้อมใช้ และทันสมัย

อย่างไรก็ตามททท. ในฐานะหนึ่งในคณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE (D3) มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือและพร้อมสนับสนุนโครงการ Digital Tourism Platform เป็นอย่างยิ่ง ด้วยบริบทของสังคมโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้ ททท. ตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ครบทุกช่องทาง ความร่วมมือของพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนที่จะทำให้ Platform นี้เกิดขึ้น จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงข้อมูล และสินค้าบริการต่างๆ ตลอดทั้ง Value Chain ในการท่องเที่ยวได้จริง นำไปสู่การยกระดับประสบการณ์ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ครบถ้วนได้ตั้งแต่ต้นจนจบการเดินทาง นอกจากนี้ ททท. ยังเชื่อว่า Platform นี้ยังช่วยเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ก่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ (First Visit) และเป็นการสร้างโอกาสในการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่พื้นที่รอง ซึ่งนับเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ อย่างมีคุณค่า ทั้งยังก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนต่างๆ ของประเทศไทยอีกด้วย  โดยมีพันธมิตร 49 องค์กร/หน่วยงานร่วมในครั้งนี้

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *