ชาวเชียงดาวเตรียมเฮรับอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริแหล่งน้ำต้นทุนยกคุณภาพชีวิต

กรมชลฯ เผยราษฎร ตำบล]ปิงโค้ง อ.เชียงดาว ประสบภัยแล้งต่อเนื่อง ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ ความจุ 2.57 ล้าน ลบ.ม. ช่วยเป็นแหล่งเก็บน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรได้ไม่ขาดแคลนตลอดปี อีกทั้งเป็นแหล่งน้ำให้ความชุมชื่นแก่พื้นที่ป่าและเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับดับไฟป่าอีกด้วย ราษฎรมีความต้องการอ่างเก็บน้ำ พร้อมสร้างปี 2569 คาดแล้วเสร็จปี ’71

              ​นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้ก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำให้ราษฎรตำบลปิงโค้ง อ.เชียงดาว เพื่อให้ราษฎรใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค การเกษตรในช่วงหน้าแล้ง บรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ดำเนินการ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ความจุเก็บกัก 2.57 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้จัดทำการมีส่วนร่วม ระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ล่าสุดดำเนินการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการ และราษฎรผู้ใช้น้ำ ต.ปิงโค้ง มีความต้องการอ่างเก็บน้ำดังกล่าว

​              “อำเภอเชียงดาวมีพื้นที่ 2,100 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.35 ล้านไร่ มีพื้นที่ป่าราว 1 ล้านไร่ พื้นที่การเกษตร 1.25 แสนไร่ ราษฎรในพื้นที่ส่วนใหญ่รวมถึงใน ต.ปิงโค้ง ประกอบอาชีพทำการเกษตรปลูกพืชไร่และพืชสวน โดยใช้แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลักในการเพาะปลูก ทั้งนี้ โครงการ ฯ จะช่วยเก็บน้ำในช่วงหน้าฝนจากแหล่งน้ำธรรมชาติ คือ ลำห้วยแม่มาศ ไว้ใช้ยามแล้ง ทำให้ราษฎร ต.ปิงโค้ง และตำบลใกล้เคียงมีน้ำอุปโภคบริโภคตลอดปี เกษตรกรก็มีน้ำสำหรับการเพาะปลูกเพียงพอ ลดความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย สร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี” นายกฤตพล กล่าว

​              นายอำเภอเชียงดาว กล่าวต่อว่า อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำให้มีแหล่งน้ำต้นทุนเพียงพอต่อการปลูกไม้ผล ที่จะช่วยลดการเผาป่าเพื่อปลูกพืชไร่อันเป็นสาเหตุของปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นประจำใน อ.เชียงดาว อีกด้วย ทั้งนี้ภาคราชการกำลังดำเนินการขับเคลื่อนให้เกษตรกรเปลี่ยนจากปลูกพืชไร่มาเป็นสวนผลไม้ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง อโวคาโด ส้ม ลิ้นจี่ ลำไย ซึ่งจัดเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นที่ต้องการของตลาด หากดำเนินการสร้างอ่างฯ แล้วเสร็จ ก็จะมีแหล่งน้ำเพียงพอต่อเกษตรไม้ผล พร้อมกับปัญหาหมอกควันไฟป่าของเชียงใหม่ลดลง

​              นายมหิทธิ์ วงษ์ศา ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ดำเนินการด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เปิดโอกาสให้ประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2566 ณ เทศบาลตำบลปิงโค้ง ล่าสุดการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการ ฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นต่อผู้ใช้น้ำ ต.ปิงโค้ง โดยผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ ฯ มีดังนี้ 1.ส่งน้ำให้พื้นที่ช่วงหน้าแล้งได้ 3,414 ไร่ ให้พื้นที่ฤดูฝนได้ 3,547 ไร่ 2.เกษตรกรมีน้ำเพื่อการเพาะปลูกตลอดปี เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินด้านการเกษตรจากร้อยละ 99.36 เป็นร้อยละ 119.17 ส่งผลให้มูลค่าผลประโยชน์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 8,565 บาทต่อครัวเรือนต่อไร่ 3.ใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวให้ชุมชน 4.เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการดับไฟป่า และช่วยรักษาระบบนิเวศน์ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำตามธรรมชาติ

​              “ขณะนี้ กรมชลประทานได้ดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่มีข้อกำหนดว่า โครงการที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมโซน C มีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ไร่ แต่ไม่เกิน 500 ไร่ ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม เพื่อคณะกรรมการชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากนั้นจึงขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการ ฯ ต่อไป โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2569 แล้วเสร็จภายในปี 2572 ตามแนวพระราชดำริเพื่อประชาชนมีความมั่นคงทางด้านน้ำ และอาหารต่อไป” นายมหิทธิ์กล่าวในตอนท้าย

                                                             ——————————————————–

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *