ปลูก”มะกรูดตัดใบ-เลี้ยงไก่ไข่” เสริมรายได้ชุบชีวิตชาวนาสมาชิกสหกรณ์ฯโพธาราม จก.

คำกล่าวที่ว่า“ทำนาปรังมีแต่ซังกับหนี้  ทำนาปีมีแต่หนี้กับซัง” คงนำมาใช้ไม่ได้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโพธาราม จำกัด แม้ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก แต่รายได้หลักกลับเป็นอาชีพเสริม เมื่อคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ฯมีนโยบายสนับสนุนสมาชิกมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ไม่ยึดโยงกับอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ด้วยการประชุมขอความเห็นจากสมาชิกที่สนใจอยากมีอาชีพเสริมเพื่อบรรจุเข้าสู่แผนการดำเนินงานสหกรณ์แล้วออกมาเป็นนโยบายประจำปี ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาคณะกรรการบริหารสหกรณ์ฯ ภายในการนำของ”นายจำลอง รอดอิ่ม” ในฐานะประธานกรรมการฯ จัดให้มีการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นจากสมาชิกที่สนใจ ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพ(เสริม)แก่สมาชิก โดยมีทีมวิทยากรจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดราชบุรีมาให้คำปรึกษาแนะนำ

              “สมาชิกส่วนใหญ่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์มีอาชีพทำนา มีทั้งนาปีและนาปรัง บางปีราคาข้าวก็ไม่ดี สมาชิกก็ไม่มีเงินส่งหนี้สหกรณ์ ปีใดราคาดี ผลผลิตไม่เสียหายก็โชคดีไป อย่างปีนี้ข้าวราคาค่อนข้างดี แต่เราก็พยายามหาอาชีพเสริมให้กับสมาชิกเพื่อจะได้ให้เขามีรายได้เสริม โดยไม่ได้หวังพึ่งรายได้จากการขายข้าวเพียงอย่างเดียว” นายจำลอง รอดอิ่ม กล่าว

ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรโพธาราม จำกัด เผยประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรโพธาราม จำกัด เผยต่อว่าโครงการส่งเสริมอาชีพ(เสริม)ให้กับสมาชิก ไม่ได้เพิ่งมีปีนี้ปีแรก แต่เราได้ส่งเสริมต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยเริ่มจากเรียกประชุมสมาชิกที่สนใจให้ลงชื่อเข้าร่วมโครงการ จากนั้นก็ให้เลือกอาชีพเสริมในสนใจ หลังจากเรารวบรวมข้อมูลอาชีพจากสมาชิกทั้งหมดแล้วก็จะนำมาแยกเป็นรายอาชีพตามที่สมาชิกสนใจ   ซึ่งทุก ๆ ปีที่ผ่านมา สมาชิกส่วนใหญ่จะเลือกเลี้ยงไก่ไข่ ปลูกพืชผักสมุนไพร ทำไร่ข้าวโพด เลี้ยงวัว เป็นต้น จากนั้นสหกรณ์ก็จะจัดเป็นกลุ่มอาชีพตามที่สมาชิกให้ความสนใจแล้วส่งวิทยากรไปให้คำแนะนำ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ พร้อมแจกพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ เมล็ดพันธุ์ผัก หากสมาชิกรายใดสนใจต่อยอด สหกรณ์ก็พร้อมสนับสนุนเงินกู้ให้ด้วย

“เราได้ประชุมสมาชิกระดมความคิดเห็นกันว่าสมาชิกอยากได้อาชีพเสริม  อาชีพหลักคือทำนา มีช่วงที่ไม่ได้ทำนาจะทำอะไรเราก็เลยหาอาชีพเสริมให้ การที่จะทำตรงนี้เราต้องสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกว่าอยากได้อาชีพอะไร ไม่ใช่ว่าเราคิดเองเออเองให้สมาชิกทำตาม ไม่ใช่เราไปยัดเยียดเขา  วันนั้นผมถามสมาชิกอยากได้อาชีพเสริมอะไร  ใครสนใจอาชีพอะไรให้ลงชื่อไว้ แล้วก็มาสรุปว่ามีอาชีพอะไรบ้างที่สมาชิกสนใจ”

นายจำลองย้อนอดีตให้ฟังเมื่อคราวประชุมระดมความคิดเห็นสมาชิกสหกรณ์ฯปลายปีที่แล้ว โดยได้ข้อสรุปอาชีพที่สมาชิกสนใจ ประกอบด้วย เลี้ยงไก่ไข่ ปลูกมะกรูดตัดใบและมะม่วงเขียวเสวย จากนั้นจึงได้เชิญวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพนั้น ๆ มาให้คำแนะนำปรึกษาในแต่ละกลุ่มอาชีพที่สมาชิกให้ความสนใจ พร้อมแจกแม่พันธุ์ไก่ไข่คนละ 5 ตัว นำไปเลี้ยง มะกรูดคนละ 10 กิ่งและมะม่วงเขียวเสวยคนละ 5 ต้นเพื่อนำไปปลูก พร้อมจัดเงินทุนสนับสนุน หากสมาชิกรายได้สนใจต่อยอดขยายเพิ่มในอัตราดอเบี้ยร้อยละ1 ต่อปี ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพสมาชิก ซึ่งเป็นโครงการปีต่อปี โดยทั้ง 3 อาชีพมีสมาชิกให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯประมาณ 100 ราย จากทั้งหมด 2,000 กว่าราย ในส่วนของเงินกู้นั้นจะเป็นโครงการกู้ตามปกติที่สมาชิกกู้เงินไปใช้ลงทุนในภาคการเกษตรตากปกติ แล้วก้นำเงินส่วนนี้มาต่อยอดอาชีพเสริมด้วย แต่จะไม่มีกู้เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมอาชีพโดยตรง โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ7 ต่อปี ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวและใช้เงินของสหกรณ์เอง ไม่ใช่บริการเงินกู้จากภายนอกแต่อย่างใด  

“เรามีเงินกู้ให้กับสมาชิก   แต่ละรายกู้ได้ ไม่เกิน 2 สัญญา ยอดรวมไม่เกิน 600,000 บาท โดยใช้หลักทรัพยค้ำประกัน แต่ละปีมีการปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยประมาณ 200 กว่าล้านและเป็นเงินของสหกรณ์เอง ไม่มีกู้จากข้างนอก   ส่วนใหญ่กู้ไปทำการเกษตร อัตราดอกเบี้ยร้อยละ7 ต่อปี อัตราเดียวกันหมดทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว  สั้นปีต่อปี กลาง 5 ปีและยาวไม่เกิน 7 ปี” 

ประธานกรรมการสหกรณ์ฯโพธารามคนเดิม ยังระบุอีกว่าสำหรับการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ฯนอกจากธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับสหกรณ์แล้ว ยังมีธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ โดยสหกรณ์ได้รับซื้อข้าวหอมมะลิ 105(ข้าวเปลือก)จากสมาชิกมาทำการแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุง ๆ ละ 1 กิโลกรัม    5 กิโลกรัมและ 50 กิโลกรัมเพื่อจำหน่าย ภายใต้ตราสัญลักษณ์ทางการค้าตรา”ใบโพธิ์”ด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจรับ-ฝากเงิน โดยเงินฝากจะมี 2ระบบ ฝากออมทรัพย์ธรรมดา อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี แต่ถ้าออมทรัพย์พิเศษร้อยละ 2 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูงกว่าธนาคาร 

“สหกรณ์เรามีทุนดำเนินการอยู่ที่ 300 กว่าล้าน มีกำไรประมาณ 10 ล้านเศษ มาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นสหกรณ์การเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี” นายจำลองเผยข้อมูล พร้อมกล่าวขอบคุณสำนักงานสหกรณ์จังหวัดราชบุรีที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล ให้คำปรึกษา แนะนำมาโดยตลอด เพื่อป้องกันปัญหาและความผิดพลาดในการดำเนินงาน ส่วนอุปกรณ์การตลาดปัจจุบันมีค่อนข้างครบ ทั้งรถโฟล์คลิฟ ลานตาก รถตัก โรงสีข้าว ซึ่งเกือบทุกอุปกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์   

“เป้าหมายหลัก ส่วนตัวผมมองไปที่ตัวสมาชิกเป็นหลัก ถ้าสมาชิกอยู่ดีกินดีสหกรณืก็อยู่ได้ แต่ถามว่าสหกรณ์เติบโตแล้วสมาชิกอยู่ไม่ได้มันไม่ใช่เป้าหมายตรงนั้น ตามความคิดผมน  ”นายจำลอง รอดอิ่ม ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรโพธาราม จำกัดย้ำทิ้งท้าย

                                                                              ………………………………………..

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *