เป็นเวลากว่าสามทศวรรษที่ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง หรือ DMT ไม่เพียงแค่ดูแลผู้ใช้บริการ แต่ยังเผื่อแผ่ความเมตตาและน้ำใจไปยังเหล่าสัตว์ตัวน้อยๆ อีกด้วย หลายท่านอ่านแล้วคงเอ๊ะ.. ยังไง อะไร วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักภาระกิจและขั้นตอนการช่วยเหลือดูแลสัตว์บนสายทางซึ่งภาระกิจนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อความปลอดภัยในการสัญจรบนทางยกระดับอุตราภิมุขในทุกวันนี้
บางครั้งที่ผู้ใช้บริการบรรทุกสัตว์โดยสารมาด้านหลังรถด้วย แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรัก หรือสัตว์อันตราย ตกมาจากยานพาหนะ พลัดหลงกับเจ้าของและบางครั้งสัตว์เหล่านี้ได้รับบาดเจ็บ หรือเจ้าแมวตัวน้อย แอบเข้าไปอยู่ในห้องเครื่องยนต์ และพลัดตกบนทางด่วน เป็นต้น ด้วยเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นความรับผิดชอบต่อสังคม ทาง DMT จึงเข้าไปช่วยเหลือ อภิบาล และส่งสัตว์เหล่านี้กลับคืนสู่ธรรมชาติ สู่อ้อมกอดของเจ้าของอย่างปลอดภัย หรือนำส่งต่อให้ผู้ใจบุญรับไปดูแล
นายนครรินทร์ ผอมจีน ผู้จัดการแผนกป้องกันอุบัติภัยและกู้ภัยของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ได้เล่าให้เราฟังว่า ”โดยเฉลี่ยในแต่ละปี จะมีสัตว์เลี้ยงตกลงมาบนทางด่วนไม่ต่ำกว่า 5 ตัว ซึ่งสัตว์ที่ทางทีมป้องกันอุบัติภัยเข้าไปช่วยเหลือบ่อยที่สุดคือ สุนัขและแมว ในบางครั้งก็จะมีอีเห็น ไก่และงู ที่คาดว่าเกิดจากการเคลื่อนย้ายหรือพันธนาการไม่เรียบร้อย จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น”
นายนครรินทร์ ได้เล่าว่า ขั้นตอนในการเข้าไปช่วยเหลือเหล่าสัตว์ที่ตกลงบนทางด่วน เริ่มจากได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมปฏิบัติการ และจากผู้ใช้บริการ พบสัตวอยู่บนทางยกระดับอุตราภิมุข จากนั้นทางทีมป้องกันอุบัติภัยเข้าไปช่วยเหลือ และนำสัตว์ลงอภิบาลไว้ที่อาคารศูนย์ปฏิบัติการ มา แต่บางครั้งการนำสัตว์ลงมาค่อนข้างยาก เนื่องจากสัตว์บางตัวมีอาการตื่นกลัว ทีมจำเป็นต้องปิดกั้นช่องจราจรและแสดงข้อความแจ้งเตือนผ่านระบบป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ ให้ผู้ใช้บริการทราบเพื่อความ ปลอดภัย และช่วยเหลือสัตว์อย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากที่นำสัตว์ลงมาจากสายทางลำดับต่อไปก็จะประสานงานแผนกสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด เพื่อตรวจสุขภาพ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสัตว์ที่ตกหล่นบนทาง DMT เป็นผู้ดูแลให้ทั้งหมด หลังจากรักษาเรียบร้อยแล้ว เราจะให้สัตว์อยู่ในกรงอนุบาลที่เตรียมไว้ โดยดูแลให้น้ำและอาหารเป็นอย่างดี ซึ่งเราจะเตรียมอาหารที่เหมาะสมกับชนิดสัตว์นั้นๆหลังจากนั้นทางแผนกสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม จะประกาศตามหาเจ้าของหรือผู้ใจบุญที่สนใจรับสัตว์ไปเลี้ยง ภายใน 7 วัน ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กออฟฟิศเชี่ยลบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) และประกาศตามหาในกลุ่มเพจเฟซบุ๊กคนรักสัตว์อีกด้วย
ทั้งนี้หาก 7 วันยังไม่มีเจ้าของมารับสัตว์ หรือผู้ใจบุญรับไปดูแล เราจะจะให้ทางโรงพยาบาลสัตว์ตรวจร่างกายว่าสัตว์ตัวนั้นไม่เป็นโรคติดต่อหรือไม่ และให้โรงพยาบาลสัตว์ออกเอกสารรับรอง ก่อนส่งต่อให้ทางมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ซึ่งเราไม่ได้ส่งต่ออย่างเดียวแต่เราสนับสนุนงบประมาณให้มูลนิธิฯ ทุกปี เพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระให้ภาคส่วนอื่น และที่น่าเอ็นดูก็คือ พนักงานของ DMT รับไปอุปการะเลี้ยงไว้เองด้วย
และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน DMT ได้จัดให้มีการอบรมทีมงานในแผนกที่เกี่ยวข้อง ทั้งในการจับและดูแล อภิบาล โดยมีอุปกรณ์ อาทิ ตาข่าย บ่วงจับและถุงมือเอาไว้ หากสัตว์ที่ตกลงมาเป็นสัตว์อันตราย ก็จะรีบเร่งดำเนินการจับได้ทันท่วงที และจะประสานงานไปให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ภาคส่วนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแลต่อ
คุณนครรินทร์ได้เล่าต่อว่า “แม้มีผู้ใจบุญหลายท่านที่รับอุปการะสัตว์ที่ตกบนทางยกระดับอุตราภิมุขไปแล้ว ทีมงานก็ยังเฝ้าติดตามถามไถ่อาการ สภาพความเป็นอยู่เสมอ และทางฝั่งผู้ใจบุญเอง ก็ยังส่งข้อมูลมาอัปเดตชีวิตน้องๆ ให้ทางทีมงานรับรู้กันอยู่เป็นระยะ ไม่ทิ้งกันไปไหน” นับเป็นอีกแง่มุมที่ใครพบเห็นและได้ยินเรื่องราวก็ช่วยให้ใจฟูค่ะ เป็นความน่ารักของผู้คนในสังคมที่มีต่อสัตว์ร่วมโลก
ด้านคุณพลาดิสัย ใจทัศน์กุล ผู้จัดการแผนกสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งของ DMT ที่มีส่วนดูแลและส่งต่อสัตว์น้อยไปยังเจ้าของ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกล่าวทิ้งท้ายว่า
“นอกจาก DMT มีความต้องการที่จะช่วยเหลือสังคมดูแลผู้ใช้บริการให้ปลอดภัยแล้ว เรายังดูแลครอบคลุมไปยังสัตว์ร่วมทางอีกด้วย จึงอยากจะขอความกรุณาให้ผู้ใช้บริการที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสัตว์บนถนน ขอให้ใส่กรงล็อคให้ดีๆ และควรติดป้ายที่มีชื่อเบอร์ติดต่อเจ้าของ เพื่อให้เราประสานงานและส่งต่อกลับได้เร็ว”
DMT ยังคงยืนยันที่จะมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมไทยในทุกด้าน บริษัทจะไม่หยุดคิดค้น พัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของพวกเราให้ยังประโยชน์ยั่งยืน พร้อมสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ สู่ชุมชนและสังคมไทย เพราะพวกเราเชื่อว่า “การให้” คือจุดเริ่มต้นของ “ความสุข” ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
—————————————