Thailand Marketing Day : The Special Edition“Marketing the Unknown”

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานวันนักการตลาด “Thailand Marketing Day : The Special Edition” ในธีม “Marketing the Unknown” ซึ่งสะท้อนสถานการณ์ที่สุดท้าทายและยากจะคาดเดาในยุคปัจจุบัน พร้อมเผยทิศทางการปรับตัวเพื่อข้ามผ่าน “ความไม่รู้” และพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ทางธุรกิจ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ด้วย H.E.A.R.T หรือหัวใจของการตลาดยุค Post Pandemic

02 มีนาคม 2565 – กรุงเทพฯ : นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า  “เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว ที่คนทำธุรกิจและนักการตลาดเครียดและสับสนกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ผันผวน ไม่มีความชัดเจน เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม และผู้บริโภค หลายเรื่องเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนเกิดเป็นโลกที่เราไม่เคยรู้จัก เกิดความไม่เข้าใจมากมาย ซึ่งธุรกิจและนักการตลาดต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน

          สำหรับกิจกรรมภายในงาน Thailand Marketing Day วันนี้ สมาคมการตลาดฯ ได้เรียนเชิญผู้นำภาคธุรกิจและการตลาดมากมาย เพื่อมาระดมความคิดพร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ในการรับมือกับสิ่งที่เป็น Unknown ต่างๆเหล่านี้ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำแนวคิดดีๆมาจุดประกายในการพลิกวิกฤติให้กลาย เป็นโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความเข้มแข็งกับแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือในโลกยุคใหม่

          ทั้งนี้โดยทางสมาคมการตลาดฯ ขอฝากหลักคิดและแนวทางการทำการตลาดในโลกที่เต็มไปด้วย Unknown จากการประมวลความคิดของท่าน CEO และ CMO Council ที่ให้การสนับสนุนสมาคมการตลาดมาโดยตลอด มีหัวใจ หรือที่เรียกว่า H.E.A.R.T ดังนี้

H – Humanize

          ในยุคที่ยากลำบาก ความเห็นอกเห็นใจสำคัญมาก ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่มีความเป็นมนุษย์ มีจิตสำนึก มีความเข้าใจ มีความโปร่งใส และมีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา หากแบรนด์จริงใจ และสามารถสร้างมิตรภาพจนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนเพื่อน เมื่อนั้นคุณจึงจะสามารถก้าวไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

E – ESG & Sustainability

            ในขณะที่สถานการณ์โควิด การเมืองโลก เศรษฐกิจ ธุรกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ มีแต่ความไม่รู้ (unknown) และไม่แน่นอน (unpredictable) สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ชัด คือ โลกที่เราอยู่กำลังถดถอย และต้องการการเยียวยา นานาอารยะประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญและยกให้เรื่อง Green Trend นี้เป็นวาระระดับโลก ภาคธุรกิจก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) มากยิ่งขึ้น โดยเรื่อง ESG จะไม่ได้เป็นแค่การทำกิจกรรม CSR อีกต่อไป แต่จะถูกพัฒนาไปเป็นรูปแบบของ Sustainable Marketing อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของกระบวนการผลิต แนวคิดผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการปรับโมเดลธุรกิจให้เกิดผลเชิงบวกกับ Profit – People – และ Planet ไปพร้อมๆกัน

A – Agile

            ในที่นี้คือ ความคล่องตัวในทุกแง่มุม ทั้งรูปแบบ Agile Structure ขององค์กร ที่ต้องปรับให้เอื้อต่อการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นอิสระต่อกัน ทีมงานต้องมี Agile Mindset ที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมเพื่อร่วมแก้ปัญหา กระตุ้นให้กล้าคิดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ๆบรรลุเป้าหมาย ในมุมของการตลาด ก็ต้องมี Agile Marketing คือมีกลยุทธ์และแผนการตลาดที่มีความยืดหยุ่น มีการคิดมาอย่างรอบคอบ และมีแผนสำรองที่หลากหลาย พร้อมปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

R – Resilience

สถานการณ์ที่ผ่านมาหลายภาคส่วนและหลายๆธุรกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่หนึ่งในความท้าทายที่เป็นโอกาส คือ เรื่องการ “ล้มแล้วลุกเร็ว” เมื่อธุรกิจหรือแผนการตลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ธุรกิจต้องเรียนรู้ เพื่อนำมาปรับและเตรียมพร้อมรับมือ ความ resilience ภายใน คือวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้คนลองผิดลองถูกให้คนมี growth mindset และมีที่ให้พวกเขาได้พัฒนาส่วนภายนอกนั้นบางครั้ง การ resist ไม่ได้แปลว่าการยึดคิดกับความสำเร็จเดิมๆ แต่คือการกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่รอด

และ T – Transformation

            ในยุคนี้ องค์กรต้องพร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ในวิกฤติที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วเรามองเห็นโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและรักโลกมากขึ้น เขายอมจ่ายมากขึ้นเพื่อได้รับสิ่งที่ดีกว่า เรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นใน1-2ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง new platform เรื่อง  digital asset หรือแม้แต่การเกิดขึ้นของ metaverse โลกเสมือนที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตและวิถีการทำธุรกิจในอนาคต  เทรนด์และโอกาสนั้นมีมากมาย  แต่สิ่งที่สำคัญคือ องค์กรต้องรู้จักเลือก ว่าโอกาสไหน ที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ในโลกแห่งความไม่รู้ สิ่งหนึ่งที่จะเป็นกุญแจสู่ประตูแห่งความเข้าใจ คือเรื่องของ data ทุกองค์กรและนักการตลาดทุกคน ต้องเริ่มนำ data มาใช้ โดยการ เก็บ Big Information ประมวลผลเป็น Meaningful Data แล้วมาสร้าง ให้เกิดเป็น Impactful Action ที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าเราดีขึ้น ช่วยให้โลกดีขึ้น และช่วยให้ธุรกิจมีผลกำไรมากขึ้น

          “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งาน Thailand Marketing Day ในวันนี้จะช่วยเปิดมุมมองและจุดประกายความ คิดให้ทุกท่านและจะช่วยให้เราทุกคน สามารถก้าวผ่านโลก unknown นี้ไปได้ด้วยกันนะครับ” อนุวัตร กล่าวทิ้งท้าย

                                                                ——————————————————-

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *