สมุนไพรสุภาภรณ์ คลีนบิวตี้สัญชาติไทย นำนวัตกรรมผนวกเทคโนโลยี สยายปีกสู่ตลาดโลก

สมุนไพรสุภาภรณ์ คลีนบิวตี้สัญชาติไทย นำนวัตกรรมผนวกเทคโนโลยี สยายปีกสู่ตลาดโลก

สมุนไพรสุภาภรณ์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสกินแคร์สมุนไพรไทย ที่ครองตลาดมากว่า 5 ทศวรรษ ปรับตัวสู่ทางรอดธุรกิจ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงาน ทำให้ธุรกิจอยู่รอดมาได้ พร้อมการปรับตัวอย่างทันท่วงที นำเทคโนโลยี dtac business E-Care ซึ่งเป็นโซลูชั่นบริหารจัดการโทรศัพท์มือถือขององค์กรออนไลน์ ให้สามารถ ดูข้อมูลการใช้งาน เพิ่ม เปลี่ยนแพ็กเกจ จนถึงชำระค่าบริการต่างๆได้เอง ตอบโจทย์การทำธุรกิจที่ต่อเนื่อง ในช่วงเวลาของความท้าทาย ที่ทุกธุรกิจต้องการประหยัดต้นทุนและเวลา เพื่อรักษาการเติบโตไปได้อย่างมั่นคง และมุ่งสู่เป้าหมายในการขยายฐานการตลาดสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก 

          จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในร้านซาลอนห้องแถวย่านตลาดพลูเมื่อ 53 ปีที่แล้ว โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านพัฒนาสูตรด้วยตนเอง ด้วยการนำผงขมิ้นมาบรรจุใส่ถุงพลาสติกเพื่อทำผงขัดหน้าออกมาจำหน่าย เเติบโตอย่างมั่นคงจนได้สยายปีกมาเป็นอาณาจักร “สมุนไพรสุภาภรณ์” ที่มีทั้งลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ โดยการส่งออกสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้าน 

          นายอัคเรศ สุขตลอดชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือสุภาภรณ์ ทายาทรุ่นที่สาม กล่าวว่า “สมุนไพรสุภาภรณ์ เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวของคุณย่า ที่คิดสูตรผงขมิ้นขัดหน้า ต้นตำรับซองเหลือง จวบจนกระทั่งปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์ความงามหลายร้อยรายการ แตกแขนงออกเป็นถึงสามแบรนด์คือ “สุภาภรณ์” “ปทุมมาศ” และแบรนด์น้องสุดท้องอย่าง “ไอศิกา”   ความสำเร็จอันยาวนานนี้ได้มาจากการใส่ใจในคุณภาพ ความซื่อสัตย์ และการขายที่ตรงไปตรงมา ราคาที่จับต้องได้ เริ่มต้นสินค้าเพียง 25 บาท และไม่เกิน 60 บาท ทำให้แม้จะมีวิกฤตอย่างไร เราก็ผ่านพ้นมาได้ เราไม่มีการปลดกว่าพนักงานกว่าร้อยชีวิต หรือลดเงินเดือนในช่วงโควิด อีกทั้งยังโตสวนกระแสจากธุรกิจการทำโรงงานรับจ้างผลิตอีกด้วย”

ขอชิงชัยในตลาดหมื่นล้าน

            ตลาดสมุนไพรความงาม มีมูลค่ามหาศาลระดับหมื่นล้านบาท แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่บริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพและศักยภาพที่จะทำให้สามารถแบ่งเค้กก้อนนี้ในตลาดได้ถึง 10%  ในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยเครือข่ายตัวแทนร้านค้ากว่าเก้าพันแห่ง และในเซเว่น อีเลฟเว่นอีกหมื่นสาขา  อีกทั้งยังมีช่องทางตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าต่างๆ รวมแล้วหมื่นกว่าร้านค้าที่รับสินค้าในเครือไปขาย และได้สร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ สร้างคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบ ปีที่ผ่านมามีการสร้างร้านค้า Official ผ่านอีมาร์เก็ตเพลสที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศเพื่อเพิ่มรายได้อีกช่องทางที่สะดวกซื้อได้ตลอดเวลาแม้หากมีการปิดให้บริการร้านค้าทั่วไปก็ยังมีรายได้เข้าบริษัท มีการเปิดตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะจีน และประเทศในตะวันออกกลางที่เริ่มขยายวงจากซาอุดิอาระเบีย ดูไบ โอมาน โดยในประเทศที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่าย  บริษัทจะเข้าไปจำหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านอีมาร์เก็ตเพลสที่เชื่อถือได้ และมองหาแนวทางการลดขั้นตอนนำเข้าส่งออกเพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว  โดยมีมุ่งเป้าไปกับการทำ ครอสบรอดเดอร์ อีคอมเมิร์ซ ที่เปิดตลาดสินค้าไทยไปตลาดโลก

เทคโนโลยีสู่ทางรอดธุรกิจ

            ช่วงโควิด นอกจากการร่วมมือร่วมใจของพนักงาน ทีมงานที่มีประสบกรณ์ที่จะดิ้นรนในทุกๆ วัน เพื่อปรับธุรกิจอย่างรวดเร็ว  การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดมาได้ การปรับตัวอย่างทันท่วงที และหาโซลูชั่นที่มาตอบโจทย์การทำธุรกิจที่ต่อเนื่อง และขยายฐานได้ อีกทั้งการสื่อสารอินเทอร์เน็ต  ระบบสนับสนุนการทำงานจากภายนอกสำนักงาน การทำงานของพนักงานขาย การประชุมออนไลน์ ที่ต้องใช้การสื่อสารไร้สายที่มีความเสถียร การปรับระบบงานสนับสนุนขึ้นสู่คลาวด์เข้าถึงข้อมูลง่าย การใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ที่ทำให้เห็นยอดขายรายวัน และจะขยับให้เห็นยอดแบบรายชั่วโมงต่อไป บริษัทวิเคราะห์ช่องทางจำหน่าย การทำตลาดออนไลน์ และวางแผนใช้งบการตลาดได้อย่างคุ้มค่าที่สุดทั้งออฟไลน์และออนไลน์   การใช้ข้อมูลทำให้เราวางแผนคาดการณ์ปริมาณการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสต็อกวัตถุดิบจากต่างประเทศที่อย่างเพียงพอที่จะนำมาผลิตและอาจล่าช้าจากการขนส่ง  และแน่นอนการเข้าสู่ดิจิทัล ลดเอกสาร หลายหมื่นฉบับต่อปี ยังช่วยรักษ์โลกอีกด้วย 

          นายอัคเรศ กล่าวว่า “เราเป็นลูกค้าดีแทคมาหลายสิบปี และช่วงโควิดได้มาเริ่ม ใช้ บริการ dtac business E-Care บริการที่ช่วยให้ธุรกิจมีความสะดวกสบาย ในการจัดการแพ็กเกจโทรศัพท์ด้วยตนเอง ไม่ว่าการจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่ศูนย์บริการ และสามารถพิมพ์ใบเสร็จได้ทันที ซึ่งสะดวกมากๆในช่วงโควิด รวมถึงการดูข้อมูลการใช้งาน หรือแม้กระทั่งปรับเปลี่ยนแพ็กเกจเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานปัจจุบัน บริการนี้ ช่วยลดเวลาให้กับพนักงานแอดมินที่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ และมีเวลาไปทำงานอื่นให้กับธุรกิจได้อย่างสบายใจไร้กังวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เราประทับใจที่พนักงานดีแทค ให้ความช่วยเหลือ สอนพนักงานสูงวัยที่ทำงานกับเรามาหลายสิบปี อย่างใจเย็น ได้ใช้งานอย่างคล่องแคล่ว คอลล์เซ็นเตอร์ที่ให้บริการยี่สิบสี่ชั่วโมง และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ให้กับลูกค้า”  

          นายธนัท มนัญญภัทร์ ผู้อำนวยการ สายงานการขายและบริหารช่องทางจำหน่าย  ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “dtac business ทำงานเป็นพันธมิตรกับลูกค้าด้วยความตั้งใจจริง และใช้เวลาทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยเข้าไปเรียนรู้และทำความเข้าใจ ความต้องการของธุรกิจลูกค้า ที่ต้องการปรับลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงวิกฤต ซึ่งทางเครือสุภาภรณ์ ได้ให้ความไว้วางใจดีแทค บิสิเนส ในการมอบบริการ dtac business E-care ที่ตอบโจทย์กับรูปแบบการทำงาน และช่วยอบรมให้พนักงานสูงวัยได้ปรับทัศนคติและทักษะในการทำงานดิจิทัล แม้ว่าจะใช้เวลาแต่ก็คุ้มค่า กับความต้องการของเครือสุภาภรณ์ ที่ต้องบริหารจัดการโทรศัพท์มือถือของทั้งบริษัทให้สะดวก รวดเร็วประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการทำงานในยุควิถีใหม่ ที่เสริมประสิทธิภาพการทำงาน ที่มีรูปแบบเป็นดิจิทัล”

          ดูข้อมูลและสมัครบริการ dtac business E-Care ง่ายๆ ได้ ที่ : https://www.dtac.co.th/business/services/e-care รับชมวีดีโอ สุภาภรณ์ และ dtac business ได้ที่ https://youtu.be/kr8n0iQ9bp0

          —————————————————–

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *